ลังกาวตารสูตร สูตรว่าด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์ สูตรที่เป็นหลักฐานว่าพุทธเจ้าเคยไปเกาะลังกาหรือไม่ ? เล่าว่าท่านเคยไปครั้งแรกเมื่อไปเพียงพระองค์เดียว
.มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าเคยไปลังกาถึง 3 ครั้ง ครั้งนั้นเกาะลังกามีชื่อว่า ตัมพปัณณิทวีป ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ประชาชนได้เห็นและบุตรกษัตริย์พร้อมด้วยบุรุษจำนวนมากได้ออกบวชเพราะเลื่อมใส ศรีลังกา มีประวัติที่ยาวนานนับ 3,000 ปี
ลังกาวตารสูร ก็เป็นพระสูตรหนึ่งในหลายพระสูตรของฝ่ายมหายานกล่าวว่ามีถึง 7 ผูก คำภีร์มหายานมีสูตรจำนวนมากแต่ไม่ค่อยพบในฝ่ายพุทธเถรวาท ปริศนาทำไมพระโอวาทของพุทธเจ้าเดียวกัน แต่กลับไม่ค่อยมีปรากฏในฝ่ายเถรวาท
ลังกาวตารสูตร เป็นคำสอนให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์เพื่อรักษาศีลในข้อที่ 1 คือส่งเสริมการไม่ฆ่าสัตว์ คำสอนฝ่ายมหายานจะเผยแพร่ในดินแดนฝ่ายเหนือของอินเดียจึงเข้ากันได้กับวัฒนธรรมของจีนคือการรับประทานอาหารเจซึ่งมีมายาวนาน และเชื่อว่ามีมาก่อนชาวยุโรปจะเดินทางมาถึง ลังกาวตารสูตร บรรยายว่าพุทธเจ้าได้ตรัสสูตรนี้ที่เกาะลังกาตามชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถามชาวศรีลังกาว่า
พุทธเจ้าได้เคยมาจริงหรือไม่
ตามประวัติศาสตร์ ประเทศศรีลังกา มีประวัติที่ยาวนานก่อนสมัยพุทธกาล ตั้งแต่ชาวทมิฬและสิงหลจะเข้ามาอยู่บนเกาะนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับยักษ์และนาคบนเกาะแห่งนี้ ตามหลักฐานกล่าวว่าลังกาวตารสูตรได้แปลครั้งแรกเป็นภาษาจีนโดยคุณภัทรแห่งอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 433 (พ.ศ.976) ก่อนพระถังซัมจั๋งจะนำพระไตรปิฏกฉบับแรกเดินทางไปถึงเมืองจีน และพระสูตรนี้ยังถูกแปลอีกหลายครั้งโดยชาวอินเดีย *****ดูหลักฐาน ยมกปาฏิหาริย์ คือการแสดงฤทธิ์ในพุทธกาลเพื่อให้ผู้คนได้เห็น มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าเคยทำปาฏิหาริย์ที่เกาะลังกาด้วย 0 >>> ที่นี่
เหตุที่มาการแยกนิกายจากเถรวาทมาเป็นมหายานเพราะพุทธเจ้าได้กล่าวกับพระอานนท์ว่า บทคำสอนต่างๆสามารถปรับเปลี่ยนได้บ้างตามความเหมาะสมจึงมีการตีความหมายที่แตกต่างกันไปจึงเกิดลัทธินิกายต่างๆแยกออกไปมากมาย พระพุทธเจ้ามีองค์เดียวหรือหลายองค์ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่จะเชื่อจากผู้ที่สัมผัสพระพุทธเจ้าได้จริง ประวัติศาสตร์ตัวอักษรเริ่มในอียิปต์ประมาณ 5,000 ปี ทางตะวันออกก็อาจจะเริ่มเมื่อ 3,000 - 4,000 ปี ก็น่าจะใกล้เคียงกันถ้ามีพุทธเจ้าเกิดก่อนหลายองค์คงสอนกันด้วยคำพูดเป็นหลักโดยไม่มีตัวอักษร ถ้าจะให้บอกความแตกต่าง พระไตรปิฎกคือคำพูดจากพุทธเจ้าที่ได้รวบรวมไว้ แต่พระโพธิสัตว์ของมหายานยังไม่ใช่พุทธเจ้าผู้ที่จะนำพาจิตวิญญาณได้ควรเป็นอรหันค์เท่านั้นก็ดูจะน่าสมเหตุผล พระโพธิสัตว์เป็นเพียงเทวดาที่ยังไม่บริสุทธิ์ยังไม่เป็นอรหันต์จึงเชื่อว่าไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้เพราะไม่มีอภิญญาจิต
<< ดูการแสดงเต้นรำของศรีลังกา >>>| ที่นี่
<< ข้อมูลภาพจากวิดิทัศน์ภาพการแล่นเรือของชาวทะเลในสมัยโบราณ จะใช้ลมทะเลเป็นหลัก
****ดูเรื่องลังกาวตารสูตร 0 >>> ที่นี่
*****ข้อมูลพระสูตรของพุทธฝ่ายมหายาน
0 >>> ที่นี่
*******ดูร้านอาหารเจในไทย 0 >>> ที่นี่
<< หลักฐานภาพจากวิกิพีเดีย แสดงเขตอาณาจักรโมริยะ ( พ.ศ.221 - 358 ) ที่ครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอินเดีย (สีนํ้าเงิน ) แต่เมืองเก่าแก่คือ อนุราธปุระ (สีฟ้าด้านล่าง ) กลับเป็นจุดที่ตั้งของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักฐานประกอบการยืนยันว่า พุทธเจ้าเคยมาศรีลังกา ก่อน พ.ศ. 221 ศาสนาพุทธจึงได้ตั้งมั่นอยู่ในศรีลังกา และไม่ถูกขยายการปกครองโดยอาณาจักรโมริยะเพราะมีการนับถือพุทธศาสนาในยุคของพระเจ้าอโศก สีฟ้าอาจหมายถึงเมืองหรือดินแดนที่เป็นสาขาของอาณาจักรโมริยะ
อนุราธปุระ ข้อมูลแจ้งว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสิงหลเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของโลก มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่สืบหน่อมาจากพุทธคยาของอินเดีย
*****ดูเมืองอนุราธปุระ >>>| ที่นี่
" บุญ " การทำบุญให้เกิดมี 10 วิธี ตามคำสอนในพุทธศาสนา แต่เชื่อว่าการจะไปอยู่กับโลกของพระเจ้าได้นั้นเชื่อว่ามนุษย์สามารถปฏิบัติได้ และยังมีองค์ประกอบที่มีมากกว่านี้ เช่น.-ความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความซื่อสัตย์ การมีจิตเมตตา ดังนั้น มนุษย์จึงแตกต่างกันด้วยบุญกุศล ศีลธรรม ความดี ฯลฯ
การทำให้เกิดบุญตามคำสอนทางพุทธ มีดังนี้.-
1.การให้ทาน เพื่อลดความตระหนี่ 2.การรักษาศีล ทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ 3.การภาวนา คือการตั้งจิตให้มั่นคงเพื่อการทำในสิ่งที่ดี
4.การอ่อนน้อมถ่อมตน คือไม่หยิ่งยะโส 5.การช่วยเหลือผู้อื่น 6.ให้โอกาสผู้อื่นมาทำบุญร่วมกับเรา เป็นการแบ่งปันในการทำบุญ 7.ยอมรับในความดีของผู้อื่น คือการมีจิตที่ไม่คิดริษยาผู้อื่น 8.ร่วมฟังธรรม คือรับฟังคำสอนความรู้ในเรื่องที่ดีงามเพื่อการปฏิบัติตนเอง
คาดว่ามีการฟังธรรมเกิดขึ้นมากในสมัยพุทธกาลจากพุทธเจ้า
9.การแสดงธรรม คือการบอกกล่าวความรู้ที่ดีงามที่ถูกต้องให้ผู้อื่น
10.ทำความเห็นให้ถูกต้อง **** ความเห็นที่ถูกต้องแห่งสัจจธรรมนี้เชื่อว่ายังเป็นที่สับสนในหลายศาสนา เพราะแต่ละศาสนาก็เชื่อว่าศาสดาและคำสอนของตนนั้นถูกต้องเสมอไม่มีผิด ศาสดาเป็นมนุษย์ที่สามารถปฏิบัติให้เข้าถึงพระเจ้า แต่พระเจ้าเชื่อว่ามีมาก่อนมนุษย์และเป็นผู้ที่มีความเป็นอมตะและเป็นผู้สร้างมนุษย์ การไม่เชื่อในความแตกต่างเป็นการไม่ยอมรับผู้อื่นไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรืออาจมีความริษยาผู้อื่น ในโลกมนุษย์เพียงแค่สัจจธรรมในความดีก็มีความหมายแตกต่างกันหรือมีการชี้นำไปในทางที่ผิด การชี้นำที่ผิดมีผลต่อมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดในขณะเดียวกันก็ไม่มีคำตอบที่แท้จริงจากพระเจ้า หรือว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์มาเพื่อให้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งน่าจะเป็นความจริง ความขัดแย้งในศาสนาจึงเกิดขึ้นทั่วโลก โลกของสวรรค์เป็นเรื่องที่ลี้ลับที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
<< ชั้นของเทวดาที่มีในพุทธศาสนามีด้วยกัน 6 ชั้น (ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง) ตามข้อมูลทางด้านซ้ายมือ ***สวรรค์ชั้นดุสิต (***Dusit) มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าของพุทธศาสนาได้ลงมาจากสวรรค์ในชั้นนี้เพื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์เมื่อกว่า 2,558 ปี มาแล้ว และได้เป็นศาสดาของพุทธศาสนา ส่วนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (Dawating) ชั้นที่ 2 พุทธเจ้าก็เคยเดินทางมาเพื่อโปรดเยี่ยมมารดาของพระองค์เมื่อสมัยพุทธกาล
ส่วนสวรรค์ชั้นที่ 1 (Chatumaharachiga) บรรยายว่า เป็นชั้นสวรรค์ที่อยู่ไกล้โลกมนุษย์มากที่สุด ชั้นของสวรรค์เป็นโลกทิพย์ไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณของตนเอง
<< บนโลกของสวรรค์ อาจจะมีภาพเหล่านี้เมื่อมนุษย์กับสัตว์ที่แตกต่างเป็นเพื่อนกันได้ แต่ในบางครั้งภาพเหล่านี้ก็สามารถเห็นได้อยู่ทั่วไปบนโลกมนุษย์คือความหิวกระหายและจิตใจที่อำมหิตโหดร้ายได้หมดไปจากใจเพราะไม่มีความหิว ความหิวกระหายเป็นทุกข์ร้ายอย่างหนึ่งของการมีชีวิต
ในพุทธศาสนาบรรยายว่าบนโลกสวรรค์ผู้ที่ทำแต่ความดีเมื่ออยู่บนโลกจะได้ไปเกิดในชั้นสวรรค์ที่แตกต่างกันเพราะการทำความดีของตน ดังนั้น วัตถุสิ่งของต่างๆบนโลกอาจเป็นเพียงภาพมายาที่ทำให้ผู้คนต้องหลงไหลและยึดติดว่าเป็นของตนและในขณะเดียวกันก็ต้องสูญสิ้นไปเมื่อร่างกายของตนต้องจากไปและเหลือเพียงวิญญาณ และเมื่อนั้นเรากำลังจะไปทางไหน ? ใครจะเป็นผู้ให้คำตอบ ...................................?