โหราศาสตร์กับการเกิดมนุษย์ หรือว่าพระเจ้าส่งคนมาเกิด ? การทำนายดวงปัจจุบันจริงหรือมั่ว แต่ทางพุทธเชื่อว่า กรรมหรือการกระทำ ที่จะส่งผลต่อบุคคล
โหราศาสตร์กับการทำนายและสถิติ เมื่อโลกเจริญขึ้นแต่ความเชื่อทางโหราศาสตร์กลับได้รับการติดตามมากขึ้นจากบุคคลมากมาย โหราศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนของโลกและดวงดาวบนท้องฟ้าและดวงอาทิตย์หรือสุริยเทพตามความเชื่อของคนโบราณ ถ้าโหราศาสตร์มีส่วนเป็นความจริงก็อาจหมายถึงพระเจ้ากำลังสร้างมนุษย์ในทุกขณะ มีเด็กเกิดในทุกวันวันละ 253,200 คน และกำลังเพิ่มทวีจำนวนมากขึ้นนำมาหารด้วย 12 ราศี จะมีคนเกิดในราศีต่างๆมากถึงวันละ 21,100 คน ถ้ามีอัตราการเกิดอย่างสม่ำเสมอ ใครส่งมนุษย์มาเกิดในโลก พระเจ้า ดวงดาว หรือ มาจากต่างดาว หรือเพราะเหตุบังเอิญแต่ทางพุทธศาสนาอธิบายว่าได้มาจาก กรรม
หรือการกระทำของบุคคลส่งคนให้มาเกิดในที่แตกต่างกันตามฐานะยากดีมีจน ซึ่งก็สมเหตุผล
การทำนายตามราศีเชื่อว่ามีส่วนใกล้เคียงความจริงมากกว่า 50% และถ้าเทียบเวลาในการเกิดจะยิ่งแม่นยำมากขึ้น แต่เชื่อว่าเป็นการทำนายแบบเหมารวมเพราะคนจำนวนถึง 21,100 คนในแต่ละวันในแต่ละราศีจะมีโชคชะตาที่คล้ายกันหมดได้อย่างไร พุทธศาสนาอธิบายได้ถึง กรรม หรือการกระทำของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป เราอาจกำลังสร้างกรรมของเราขึ้นในทุกขณะของชีวิตถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทางอันยาวไกลผ่านวิญญาณของแต่ละคนเพราะเมื่อทุกคนสิ้นชีวิตแล้ววิญญาณยังอยู่แล้ววิญญาณไปที่ใหนก็ไปในอีก 3 ภพ ของแดนเกิดของมนุษย์ คือ.-โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ โลกนรก หมุนเวียนต่อไปที่เรียกว่าสังสารวัฏของพุทธศาสนา ทางพุทธเชื่อว่ากรรมของแต่ละบุคคลไม่สามารถลบล้างได้เหมือนคริสต์และฮินดู แต่เมื่อถามจากผู้รู้กล่าวว่าบุญหรือความดีสามารถลบล้างบาปที่เคยทำมาแล้วได้ ดังนั้น เราอาจมีเวลาไม่มากแล้วในการสร้างบุญ
การทำนายแบบเหมารวมตามจักรราศีจึงยังไม่สามารถนำมาเทียบได้กับผลของกรรมตามหลักพุทธศาสนาที่ยิ่งละเอียดมากยิ่งขึ้น แล้วท่านจะเชื่อการทำนายตามราศีหรือผลของกรรมของแต่ละคน นอกจากนี้เส้นลายมือบนฝ่ามือของบุคคลยังบอกถึงโชคชะตาที่อาจส่งผลมาตั้งแต่เกิดแล้วใครเป็นผู้ลิขิตชีวิตนี้ ชาวพุทธเชื่อว่าพระพรหมคือผู้ที่ลิขิตโชคชะตาและท่านเชื่อหรือไม่ ?
*****ดูดวงสำหรับชาวต่างประเทศ 0 >>> ที่นี่
*****ดูดวงกับโหราศาสตร์ไทย 0 >>> ที่นี่
****เพลงต่างประเทศเกี่ยวกับโชคชะตา + >>> ที่นี่
****บทเพลงไทยเกี่ยวกับดวงดาว + >>> ที่นี่
( เรื่องเล่าที่มาช้าดีกว่าไม่มา )
สวรรค์ -โลกมนุษย์ -ยมโลก ใน 3 โลกนี้ทางพุทธว่าคือการเดินทางของวิญญาณ เรียกว่าสังสารวัฏคือการเปลี่ยนผ่านทางวิญญาณ มนุษย์มีชีวิตบนโลก 100 ปี แต่โลกวิญญาณมีเวลาที่ยาวนานนับเป็น กัป (Kap)
(ภาพพระอรหันต์จี้กงกำลังท่องยมโลกผ่านวิญญาณและเขียนมาเป็นหนังสือจากประเทศไต้หวัน >> )
จิตคือที่มาของมนุษย์ (อ้างอิงจากพระไตรปิฎกของศาสนาพุทธและข้อมูลที่ว่าจิตเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง จิตอาจเป็นเพียงอากาศธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นคือ.-พระเจ้า ) แต่เมื่อจิตเริ่มมีร่างกายโดยการเริ่มกินอาหารเพื่อให้มีชีวิตเพื่ออยู่รอด จิตจึงเกิดวิญญาณและเริ่มมีร่างกายเป็นมนุษย์ขึ้นและมีการรับรู้ทั้ง 5 อย่างของมนุษย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทำให้เกิดวิญญาณ ทางพุทธเชื่อว่าเมื่อเริ่มแรกวิญญาณยังบริสุทธิ์ กินแต่พืชไม่รู้จักการกินเนื้อสัตว์ทางพุทธว่าการฆ่าทำให้มนุษย์เกิดบาปและอาจหมายถึงเกิดความไม่บริสุทธิ์ทางวิญญาณ และเมื่อมนุษย์วิญญาณมีเพิ่มมากขึ้นการกระทำต่างกันทำให้คนเกิดในที่ต่างกันพร้อมด้วยบุญกุศลที่แตกต่างกัน โลกปัจจุบันมีคนตายในทุกวันในขณะที่คนเกิดก็มีเกิดในทุกวันในปริมาณที่มากขึ้นเหมือนมาหมุนกงล้อของสังสารวัฏที่เปลี่ยนผ่านของทุกชีวิต สัตว์ต่างๆบนโลกเมื่อถามผู้รู้กล่าวว่าเป็นมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นสัตว์ (ข้อนี้ยังต้องสืบค้นต่อไปว่าเป็นสัตว์ทุกตัวหรือไม่ที่ถูกลงโทษจากเมืองนรก )
วันสารทจีน ของชาวจีนเชื่อว่ามีมานานมากเพื่อเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ ในเดือนที่ 7 ของจีนประตูของยมโลกจะถูกเปิดเพื่อให้วิญญาณมารับส่วนบุญ ณ เมืองมนุษย์ ข้อมูลว่าบนสวรรค์มี บุญ และ กตัญญู ที่เทพเจ้าให้การยกย่องนับถือคือการทำความดีเช่นการให้ทาน การช่วยเหลือผู้อื่น การแบ่งปัน การรู้คุณ โลกปัจจุบันประชากรยิ่งมากแต่ไม่มีใครมาวัดกันว่าปริมาณการให้ทานได้มีเพียงพอต่อการยังชีพของมนุษย์หรือไม่ โลกปัจจุบันจึงมากด้วยปัญหาจากการแข่งขันสารพัด แต่ปัญหาต่างๆกลับขายได้ให้เป็นข่าวทั้งทางทีวี หนังสือพิมพ์ ทางโลกออนไลน์ พร้อมกับอุปกรณ์เข้าถึง
ข่าวที่มีบริการลด แลก แจก แถม สารพัด และปัจจุบันยังมี
เกมส์ใหม่แบบเดินก้มหน้าเพิ่มเข้ามาอีก
ประเทศต่างๆอาจต้องร่างกฏหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของคนธรรมดาแบบเดินตัวตรงให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
( ภาพการเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันสารทจีน >> )
โลกปัจจุบันอาจจะไม่มีใครเดินตามหาวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นสิ่งมองเห็นยาก แต่ทางศาสนาว่าวิญญาณมีจริง เหมือนคนจีนที่มีการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษที่มีมาอย่างยาวนานเชื่อว่ายาวนานกว่า 2,000 ปี โลกปัจจุบันอาจเป็นเพียงโลกของการวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดถึงตอนเริ่มต้นชีวิตแรกเกิดของตนว่าเริ่มมาจากที่ใหน นั่นหมายถึง สังสารวัฏ ที่มีมาอย่างยาวนานมากตามที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบโดยการทำความดีมาหลายภพหลายชาติจนได้มาเกิดเป็นศาสดา การเกิดเป็นศาสดาเกิดเป็นได้ยากถ้าไม่มีความมุ่งมั่น การเกิดเป็นมนุษย์มีข้อมูลว่าทุกคนถูกทำให้ลืมชาติก่อนของตนเพื่อให้มาเกิดใหม่อีกครั้งซึ่งทุกคนจะสามารถทราบได้จาก ผู้ที่รู้ทางศาสตร์นี้โดยตรง ว่าชาติที่แล้วเราได้เป็นอะไรและที่เรากำลังกระทำอยู่นี้ก็อาจจะส่งผลต่อไปอีกว่า.......................... " เรากำลังจะเป็นอะไรต่อไป ".....
*****ดูวิดิทัศน์วันสารทจีนในไทย >>>| ที่นี่
*****ดูพิธีการเลี้ยงผีเซ่นไหว้ในไทย >>>| ที่นี่
*********ดูเรื่องพระพรหม ชาวไทยและอินเดียเชื่อว่าพระพรหมคือผู้สร้างโลกและมนุษย์ 0 >>> ที่นี่
ภพสวรรค์ ภพมนุษย์ ภพนรก เป็นคำสอนมีในศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ ยมบาล ( W3 ) คือผู้ติดตามการกระทำของมนุษย์ทุกคน (W2 ) ไม่มีใครรอดพ้นจากภพวิญญาณไปได้ เราเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ภพของวิญญาณกันแล้วหรือยัง ? สิ่งที่ชาวมนุษย์อาจลืมเมื่อครั้งยังมีชีวิตคือการสร้างบุญหรือคุณความดี
พญายมราช เทพแห่งโลกวิญญาณเป็นท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ (ทิศใต้) มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์เพื่อผูกมัดวิญญาณทั้งหลาย พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้ายมทัณฑ์ มีอิทฤทธิ์มากมีหน้าที่พิพากษาและปกครองวิญญาณในภพนรก มีบริวารคือยมฑูต หรือ นายนิรยบาลเพื่อนำวิญญาณมนุษย์นำไปสำนักพญายมเพื่อลงโทษในนรกภูมิ
มีผู้เคยพบพญายมในไทยและบันทึกเล่าให้ฟังพร้อมกับวิญญาณเจ้าที่หรือวิญญาณผู้รักษาสถานที่เช่นศาลพระภูมิเจ้าที่ซึ่งอาจมีเทวดาหรือวิญญาณที่มีบุญมารักษาสถานที่ไว้ โลกวิญญาณยังคงเป็นเรื่องที่ลี้ลับที่อยู่ตรงกันข้ามกับวิทยาศาสตร์ของโลกชาวตะวันตกหรือชาวยุโรป
เป็นโลกก่อนมนุษย์มาเกิดและโลกของมนุษย์ภายหลังความตาย มนุษยโลกจึงอาจเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนผ่านแบบทศนิยมไม่รู้จบ (0.33333333333333 ? ) ที่เรียกว่าสังสารวัฏคือการเปลี่ยนผ่านในโลกวิญญาณตามอำนาจของบุญในแต่ละคนที่ได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต คนไทยส่วนมากเชื่อในเรื่องเหล่านี้เพราะอยู่ไกล้ชิดพุทธศาสนาและเชื่อในโลกวิญญาณและอำนาจของบุญและกรรม
มีผู้พบเห็นในโลกวิญญาณประกอบด้วย 1.กล่องของบุญ และ 2.กล่องของความกตัญญูคือการรู้คุณและตอบแทนคุณ จะเก็บสะสมบุญเหล่านี้ไว้ในโลกของสวรรค์ เชื่อว่ามนุษย์เกิดมาก็แตกต่างกันแล้วด้วยบุญและทั้งดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่างๆในระบบสุริยะก็อาจเป็นเพียงการปรากฏการณ์ของเทพที่ปรากฏกายในลักษณะที่เป็นวัตถุ แต่ทางโหราศาสตร์ไทยมีความเชื่อในการบูชาเทพนี้ทุกครั้งที่มีการโอนย้ายตำแหน่ง
ทำไมชีวิตมนุษย์ถึงไม่อมตะ ทำไมชีวิตมนุษย์จึงเป็นเพียงอายุขัยที่มีบนโลก มนุษย์อาจสูญสิ้นความเป็นอมตะคือความไม่ตายของตนเองไปเมื่อ 3 ล้านปีมาแล้ว อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ของการเกิดมนุษย์ จากความไม่ตายมาเป็นต้องตายในที่สุดแล้วเกิดใหม่อีกครั้งตามกฏสังสารวัฏ มนุษย์ยังถือว่าสุขสบายในขณะที่สัตว์โลกทั้งหลายยังต้องทุกข์ในการดิ้นรนหาอาหารและยังกลายเป็นสัตว์เลี้ยงให้มนุษย์ ปัจจุบันพลโลกมีเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ความเชื่อและศรัทธากลับสร้างปัญหาและเพิ่มความขัดแย้ง ความเชื่อฮินดูกล่าวว่ายุคปัจจุบันนั้นเป็น กลียุคคือยุคของความชั่วร้าย มนุษย์กำลังไม่ละอายต่อตนเองแม้แต่ทำความชั่ว การมีมนุษย์เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันอาจหมายถึงสวรรค์ที่ยิ่งอยู่ห่างไกลจากมนุษย์มากยิ่งขึ้น และแล้วโลกของอนาคตก็อาจก้าวย่างเข้าสู่หายนะอีกครั้งหรือมนุษย์จะต้องอยู่ในวัฏจักรแบบนี้อยู่เรื่อยไป
****ดูวิดิทัศน์เสียงไทย เกี่ยวกับพญายมราช >>>| ที่นี่
******ดูคำปรากฏเรื่อง นายนิรยบาล เจ้าหน้าที่ในยมโลกที่มีในพระไตรปิฎก ของคำสอนของพุทธศาสนา 0 >>> ที่นี่
***********ดูวิดิทัศน์เสียงไทย ของผู้เคยพบกับพญายมราชในไทย (ด้านล่าง ) วิดิทัศน์นี้ได้ออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในประเทศไทย เมื่อวันอังคาร ที่ 21 สิงหาคม 2550 ว่าวิญญาณมีอยู่จริง ยมฑูตได้พาท่องไปในโลกของวิญญาณเพื่อพิสูจน์ ความจริงของศาสนาพุทธของวิญญาณที่มีในทุกคน
******จากการสัมผัส กองบุญจะไปรวมในชั้นสวรรค์ตามที่มีข้อมูลบันทึกไว้ บุญทำให้มนุษย์ที่ได้รับมีความสุขอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยได้รับการปกป้อง และเชื่อว่าเขาได้รับการต้อนรับเข้าสู่สวรรค์ในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่มีสาระที่เกิดจากบุญและกรรมที่ทุกคนทำไว้ขณะมีชีวิตบนโลก เชื่อว่ามีหลายคนที่เคยสัมผัสกับสิ่งนี้มาแล้วเพียงแต่ไม่มีโอกาสที่จะโพสท์เท่านั้น (ดูภาพเรื่องวิญญาณด้านล่าง -เสียงไทย)
ข่าวล่าปรากฏ ชาวอินเดียเหนือปลูกป่า 50 ล้านต้น ภายใน 24 ชั่วโมงวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 โดยนำต้นพันธุ์ไม้มาจาก 80 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
เรื่องเล่าจากข่าว ชาวอินเดียในแคว้นอุตตรประเทศทางแถบเหนือของอินเดียได้ใช้อาสาสมัครจำนวน 80,000 คนร่วมใจกันปลูกต้นไม้จำนวน 49.3 ล้านต้นบนพื้นที่สาธารณะ ตามทางริมข้างถนน ตามทางรถไฟ โดยใช้พันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันไปจำนวน 80 สายพันธุ์ในการปลูก อินเดียเคยประสบกับความร้อนจนต้องมีคนเสียชีวิตจำนวนมากในแต่ละปีและอาจรวมไปถึงดินแดนปากีสถานด้วย ภัยจากความร้อนภัยแล้งกำลังเป็นปัญหาของประเทศแถบใกล้เส้นศูนย์สูตร ขณะที่ประเทศแถบเหนือขึ้นไปอาจกำลังมีความสุขกับความอบอุ่นที่มีเพิ่มมากขึ้น
รัฐอุตตรประเทศนี้ตั้งอยู่ในส่วนบนของประเทศอินเดียติดต่อกับเนปาล มีเมืองในศาสนาฮินดูเช่นเมืองพาราณสี อโยธยา มธุรา โกสัมพีในสมัยพุทธกาล กล่าวว่าอินเดียได้ใช้เงินถึง 6,000 ล้านดอลล่าร์ในการปลูกป่าให้ได้ถึง 12 เปอร์เซนต์ ของพื้นที่ในประเทศและจะทำการปลูกให้ได้ถึง 29 เปอร์เซนต์ คือมากกว่าหนึ่งในสี่ของประเทศ ถ้าต้นไม้เหล่านี้เจริญเติบโตขึ้นมาภายใต้การระวังดูแลรักษาอย่างดีเชื่อว่าภายใน 3 ปีนี้ อินเดียอาจประสบกับความเย็นและชุ่มชื้นของบรรยากาศในแบบเดิมที่ถูกทำลายไป การปลูกป่าจำนวนมากเชื่อว่าช่วยลดความร้อนของสภาพอากาศและลดมลพิษในอากาศ ซึ่งกล่าวว่าในจำนวน 6 เมือง ของอินเดียต้องติดอยู่ในเมืองใน 10 อันดับที่มีมลพิษในอากาศมากที่สุด
<< ภาพช้างกำลังข้ามถนนในอินเดีย
***ใช้ภาพประกอบบางส่วน ต่อไปการสร้างอาคารในเมืองใหญ่อาจต้องคิดถึงสภาพป่าไม้ในเขตเมืองร่วมด้วยเพื่อความร่มรื่นและลดการใช้ไฟฟ้าปริมาณมากที่กำลังเป็นปัญหา
****ดูโครงการปลูกป่่าในเขตเมืองในไทย >>>| ที่นี่
****ดูเรื่องราวกับการปลูกป่าในที่ต่างๆ >>>| ที่นี่
***บทเพลงต่างประเทศกับความเขียวของป่าไม้และต้นหญ้า +>>> ที่นี่
***บทเพลงไทย ที่เกี่ยวกับป่าไม้ +>>> ที่นี่
<< พิธีให้แร้งกินศพ ผู้อยู่ห่างไกลความเจริญเชื่อว่าเป็นการอุทิศร่างให้สัตว์เป็นอาหาร นกแร้งนกจัดการซากศพแห่งภูเขาสูงกำลังจัดการกับซากศพ พุทธศาสนามีความเชื่อว่าการให้ทำให้ผู้อื่นเป็นสุข การมีชีวิตบนโลกทั้งมนุษย์และสัตว์ผู้มีความหิว ความหิวคือทุกข์ร้ายของสรรพสัตว์ผู้มีชีวิตบนโลก
พุทธศาสนาเชื่อว่าเมื่อคนตายวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้วเพื่อไปรับสุขหรือทุกข์ ซากศพจึงเป็นเพียงวัตถุที่รอวันเน่าเปื่อย วิญญาณแห่งความรู้สึกของเราในขณะนี้ได้รวมทุกสิ่งไว้ที่เรียกว่า " กรรม " หรือการกระทำ จึงเชื่อว่าวิญญาณเป็นพลังงานชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกับพลังงานคลื่นที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ แต่วิญญาณรวมเอาความรู้สึกนึกคิดเฉพาะตนของเราไว้ด้วยหรืออาจเป็นได้ว่าอนุภาคของวิญญาณเล็กละเอียดมากจนสามารถเดินทางทะลุกำแพงที่แข็งและหนาไปได้
*****ดูพิธีศพในพื้นที่ห่างไกล >>>| ที่นี่
****ดูวิญญาณเข้าสิงร่างคน >>>| ที่นี่
<< แผนที่ดอยผ้าห่มปกบนดอยลางในจังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือของไทย ติดเขตพม่า (Doilang) ข้อมูลว่ามีนกแร้งจากภูเขาหิมาลัยบินมาถึงที่นี่
****ดูดอยลาง >>>| ที่นี่
<< ภาพทิวทัศน์ก่อนขึ้นสู่ดอยลาง
****ดูเพิ่มเติมดอยลาง เชียงใหม่ >>>| ที่นี่
<< นกแร้ง นักกินซากจากเขาสูง ข้อมูลว่าบนดอยลางในเชียงใหม่มีทั้งแร้งดำและแร้งสีนํ้าตาล
****ดูการปล่อยนกแร้งคืนสู่ธรรมชาติ >>>| ที่นี่
***เพลงต่างประเทศที่เกี่ยวกับนกแร้ง +>>> ที่นี่
ลังกาวตารสูตร สูตรว่าด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์ สูตรที่เป็นหลักฐานว่าพุทธเจ้าเคยไปเกาะลังกาหรือไม่ ? เล่าว่าท่านเคยไปครั้งแรกเมื่อไปเพียงพระองค์เดียว
.มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าเคยไปลังกาถึง 3 ครั้ง ครั้งนั้นเกาะลังกามีชื่อว่า ตัมพปัณณิทวีป ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ประชาชนได้เห็นและบุตรกษัตริย์พร้อมด้วยบุรุษจำนวนมากได้ออกบวชเพราะเลื่อมใส ศรีลังกา มีประวัติที่ยาวนานนับ 3,000 ปี
ลังกาวตารสูร ก็เป็นพระสูตรหนึ่งในหลายพระสูตรของฝ่ายมหายานกล่าวว่ามีถึง 7 ผูก คำภีร์มหายานมีสูตรจำนวนมากแต่ไม่ค่อยพบในฝ่ายพุทธเถรวาท ปริศนาทำไมพระโอวาทของพุทธเจ้าเดียวกัน แต่กลับไม่ค่อยมีปรากฏในฝ่ายเถรวาท
ลังกาวตารสูตร เป็นคำสอนให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์เพื่อรักษาศีลในข้อที่ 1 คือส่งเสริมการไม่ฆ่าสัตว์ คำสอนฝ่ายมหายานจะเผยแพร่ในดินแดนฝ่ายเหนือของอินเดียจึงเข้ากันได้กับวัฒนธรรมของจีนคือการรับประทานอาหารเจซึ่งมีมายาวนาน และเชื่อว่ามีมาก่อนชาวยุโรปจะเดินทางมาถึง ลังกาวตารสูตร บรรยายว่าพุทธเจ้าได้ตรัสสูตรนี้ที่เกาะลังกาตามชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถามชาวศรีลังกาว่า
พุทธเจ้าได้เคยมาจริงหรือไม่
ตามประวัติศาสตร์ ประเทศศรีลังกา มีประวัติที่ยาวนานก่อนสมัยพุทธกาล ตั้งแต่ชาวทมิฬและสิงหลจะเข้ามาอยู่บนเกาะนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับยักษ์และนาคบนเกาะแห่งนี้ ตามหลักฐานกล่าวว่าลังกาวตารสูตรได้แปลครั้งแรกเป็นภาษาจีนโดยคุณภัทรแห่งอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 433 (พ.ศ.976) ก่อนพระถังซัมจั๋งจะนำพระไตรปิฏกฉบับแรกเดินทางไปถึงเมืองจีน และพระสูตรนี้ยังถูกแปลอีกหลายครั้งโดยชาวอินเดีย *****ดูหลักฐาน ยมกปาฏิหาริย์ คือการแสดงฤทธิ์ในพุทธกาลเพื่อให้ผู้คนได้เห็น มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าเคยทำปาฏิหาริย์ที่เกาะลังกาด้วย 0 >>> ที่นี่
เหตุที่มาการแยกนิกายจากเถรวาทมาเป็นมหายานเพราะพุทธเจ้าได้กล่าวกับพระอานนท์ว่า บทคำสอนต่างๆสามารถปรับเปลี่ยนได้บ้างตามความเหมาะสมจึงมีการตีความหมายที่แตกต่างกันไปจึงเกิดลัทธินิกายต่างๆแยกออกไปมากมาย พระพุทธเจ้ามีองค์เดียวหรือหลายองค์ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่จะเชื่อจากผู้ที่สัมผัสพระพุทธเจ้าได้จริง ประวัติศาสตร์ตัวอักษรเริ่มในอียิปต์ประมาณ 5,000 ปี ทางตะวันออกก็อาจจะเริ่มเมื่อ 3,000 - 4,000 ปี ก็น่าจะใกล้เคียงกันถ้ามีพุทธเจ้าเกิดก่อนหลายองค์คงสอนกันด้วยคำพูดเป็นหลักโดยไม่มีตัวอักษร ถ้าจะให้บอกความแตกต่าง พระไตรปิฎกคือคำพูดจากพุทธเจ้าที่ได้รวบรวมไว้ แต่พระโพธิสัตว์ของมหายานยังไม่ใช่พุทธเจ้าผู้ที่จะนำพาจิตวิญญาณได้ควรเป็นอรหันค์เท่านั้นก็ดูจะน่าสมเหตุผล พระโพธิสัตว์เป็นเพียงเทวดาที่ยังไม่บริสุทธิ์ยังไม่เป็นอรหันต์จึงเชื่อว่าไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้เพราะไม่มีอภิญญาจิต
<< ดูการแสดงเต้นรำของศรีลังกา >>>| ที่นี่
<< ข้อมูลภาพจากวิดิทัศน์ภาพการแล่นเรือของชาวทะเลในสมัยโบราณ จะใช้ลมทะเลเป็นหลัก
****ดูเรื่องลังกาวตารสูตร 0 >>> ที่นี่
*****ข้อมูลพระสูตรของพุทธฝ่ายมหายาน
0 >>> ที่นี่
*******ดูร้านอาหารเจในไทย 0 >>> ที่นี่
<< หลักฐานภาพจากวิกิพีเดีย แสดงเขตอาณาจักรโมริยะ ( พ.ศ.221 - 358 ) ที่ครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอินเดีย (สีนํ้าเงิน ) แต่เมืองเก่าแก่คือ อนุราธปุระ (สีฟ้าด้านล่าง ) กลับเป็นจุดที่ตั้งของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักฐานประกอบการยืนยันว่า พุทธเจ้าเคยมาศรีลังกา ก่อน พ.ศ. 221 ศาสนาพุทธจึงได้ตั้งมั่นอยู่ในศรีลังกา และไม่ถูกขยายการปกครองโดยอาณาจักรโมริยะเพราะมีการนับถือพุทธศาสนาในยุคของพระเจ้าอโศก สีฟ้าอาจหมายถึงเมืองหรือดินแดนที่เป็นสาขาของอาณาจักรโมริยะ
อนุราธปุระ ข้อมูลแจ้งว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสิงหลเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของโลก มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่สืบหน่อมาจากพุทธคยาของอินเดีย
*****ดูเมืองอนุราธปุระ >>>| ที่นี่
" บุญ " การทำบุญให้เกิดมี 10 วิธี ตามคำสอนในพุทธศาสนา แต่เชื่อว่าการจะไปอยู่กับโลกของพระเจ้าได้นั้นเชื่อว่ามนุษย์สามารถปฏิบัติได้ และยังมีองค์ประกอบที่มีมากกว่านี้ เช่น.-ความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความซื่อสัตย์ การมีจิตเมตตา ดังนั้น มนุษย์จึงแตกต่างกันด้วยบุญกุศล ศีลธรรม ความดี ฯลฯ
การทำให้เกิดบุญตามคำสอนทางพุทธ มีดังนี้.-
1.การให้ทาน เพื่อลดความตระหนี่ 2.การรักษาศีล ทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ 3.การภาวนา คือการตั้งจิตให้มั่นคงเพื่อการทำในสิ่งที่ดี
4.การอ่อนน้อมถ่อมตน คือไม่หยิ่งยะโส 5.การช่วยเหลือผู้อื่น 6.ให้โอกาสผู้อื่นมาทำบุญร่วมกับเรา เป็นการแบ่งปันในการทำบุญ 7.ยอมรับในความดีของผู้อื่น คือการมีจิตที่ไม่คิดริษยาผู้อื่น 8.ร่วมฟังธรรม คือรับฟังคำสอนความรู้ในเรื่องที่ดีงามเพื่อการปฏิบัติตนเอง
คาดว่ามีการฟังธรรมเกิดขึ้นมากในสมัยพุทธกาลจากพุทธเจ้า
9.การแสดงธรรม คือการบอกกล่าวความรู้ที่ดีงามที่ถูกต้องให้ผู้อื่น
10.ทำความเห็นให้ถูกต้อง **** ความเห็นที่ถูกต้องแห่งสัจจธรรมนี้เชื่อว่ายังเป็นที่สับสนในหลายศาสนา เพราะแต่ละศาสนาก็เชื่อว่าศาสดาและคำสอนของตนนั้นถูกต้องเสมอไม่มีผิด ศาสดาเป็นมนุษย์ที่สามารถปฏิบัติให้เข้าถึงพระเจ้า แต่พระเจ้าเชื่อว่ามีมาก่อนมนุษย์และเป็นผู้ที่มีความเป็นอมตะและเป็นผู้สร้างมนุษย์ การไม่เชื่อในความแตกต่างเป็นการไม่ยอมรับผู้อื่นไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรืออาจมีความริษยาผู้อื่น ในโลกมนุษย์เพียงแค่สัจจธรรมในความดีก็มีความหมายแตกต่างกันหรือมีการชี้นำไปในทางที่ผิด การชี้นำที่ผิดมีผลต่อมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดในขณะเดียวกันก็ไม่มีคำตอบที่แท้จริงจากพระเจ้า หรือว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์มาเพื่อให้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งน่าจะเป็นความจริง ความขัดแย้งในศาสนาจึงเกิดขึ้นทั่วโลก โลกของสวรรค์เป็นเรื่องที่ลี้ลับที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
<< ชั้นของเทวดาที่มีในพุทธศาสนามีด้วยกัน 6 ชั้น (ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง) ตามข้อมูลทางด้านซ้ายมือ ***สวรรค์ชั้นดุสิต (***Dusit) มีข้อมูลว่าพุทธเจ้าของพุทธศาสนาได้ลงมาจากสวรรค์ในชั้นนี้เพื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์เมื่อกว่า 2,558 ปี มาแล้ว และได้เป็นศาสดาของพุทธศาสนา ส่วนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (Dawating) ชั้นที่ 2 พุทธเจ้าก็เคยเดินทางมาเพื่อโปรดเยี่ยมมารดาของพระองค์เมื่อสมัยพุทธกาล
ส่วนสวรรค์ชั้นที่ 1 (Chatumaharachiga) บรรยายว่า เป็นชั้นสวรรค์ที่อยู่ไกล้โลกมนุษย์มากที่สุด ชั้นของสวรรค์เป็นโลกทิพย์ไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณของตนเอง
<< บนโลกของสวรรค์ อาจจะมีภาพเหล่านี้เมื่อมนุษย์กับสัตว์ที่แตกต่างเป็นเพื่อนกันได้ แต่ในบางครั้งภาพเหล่านี้ก็สามารถเห็นได้อยู่ทั่วไปบนโลกมนุษย์คือความหิวกระหายและจิตใจที่อำมหิตโหดร้ายได้หมดไปจากใจเพราะไม่มีความหิว ความหิวกระหายเป็นทุกข์ร้ายอย่างหนึ่งของการมีชีวิต
ในพุทธศาสนาบรรยายว่าบนโลกสวรรค์ผู้ที่ทำแต่ความดีเมื่ออยู่บนโลกจะได้ไปเกิดในชั้นสวรรค์ที่แตกต่างกันเพราะการทำความดีของตน ดังนั้น วัตถุสิ่งของต่างๆบนโลกอาจเป็นเพียงภาพมายาที่ทำให้ผู้คนต้องหลงไหลและยึดติดว่าเป็นของตนและในขณะเดียวกันก็ต้องสูญสิ้นไปเมื่อร่างกายของตนต้องจากไปและเหลือเพียงวิญญาณ และเมื่อนั้นเรากำลังจะไปทางไหน ? ใครจะเป็นผู้ให้คำตอบ ...................................?